ปัญหาริ้วรอยใต้ตา ไม่ว่าจะเป็น ตาลึก ตาโหล ขอบตาดำ ถุงใต้ตาคล้ำ เป็นจุดที่สังเกตได้ง่ายมากบนใบหน้า ทำให้หน้าดูมีอายุ โทรม และไม่สดใส การแก้ปัญหานี้ด้วยการฉีด ฟิลเลอร์ ใต้ตา จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็มีหลายคนที่มีปัญหานี้แล้วอยากเติมความชุ่มชื้นให้ใต้ตา ด้วยการฉีดฟิลเลอร์แต่ไม่กล้า เพราะกลัวว่าจะอันตรายหรือมีสารตกค้าง ถ้าหากใครที่ยังไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน
ในบทความนี้ Da La Rose จะมาแนะนำวิธีการเลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ปลอดภัย และเห็นผลชัดเจน พร้อมทั้งแนะนำฟิลเลอร์ยี่ห้อต่างๆ ของทางคลินิก ให้ลูกค้าทุกท่านได้เลือกกัน ดังนั้นถ้าหากใครที่ยังไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ แล้วอยากหาข้อมูลเพื่อเป็นคู่มือประกอบการตัดสินใจ ต้องห้ามพลาดเลย!
ฉีด ใต้ตา อันตรายหรือไม่?
ปัจจุบันนี้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะการฉีดฟิลเลอร์จะทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส และดูเด็กลง แต่ทั้งนี้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ก็สร้างความกังวลใจให้ใครหลายคนไม่น้อย เพราะใต้ตาเป็นผิวส่วนที่บอบบางที่สุดในร่างกาย และยังอยู่ใกล้อวัยวะสำคัญอย่างดวงตา จึงทำให้บางคนเกิดความกังวลว่า เมื่อฉีดไปแล้วจะเป็นอันตรายไหม? ในหัวข้อนี้ Da La Rose มีคำตอบ! ก่อนอื่นปฏิเสธไม่ได้เลยว่า บริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่หลายคนกังวล เพราะเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย
ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์หากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ และเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ ที่สามารถสลายได้หมด 100% รับรองว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะสารที่ใช้สำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะมีแค่กรดไฮยาลูรอนิคเท่านั้น ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในผิวอยู่แล้ว ร่างกายสามารถสลายสารดังกล่าวออกไปได้ตามกาลเวลา และไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ส่วนฟิลเลอร์ที่อันตราย คือ ฟิลเลอร์ปลอม มีทั้งรูปแบบที่เป็นซิลิโคนเหลว และแบบที่เป็นฟิลเลอร์แต่ไม่บริสุทธิ์
ซึ่งฟิลเลอร์จำพวกนี้เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว จะสลายตัวไม่ได้ 100% แน่นอนว่าสารเหล่านี้ห้ามฉีดเด็ดขาด เพราะจะส่งผลเสียบริเวณที่ฉีดในระยะยาว เช่น ทำให้บวม ห้อยย้อย เป็นก้อนแข็ง หรือทำให้ผิวหนังบริเวณที่ฉีดผิดรูป เป็นต้น ซึ่งถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ปลอมแล้ว การจะแก้ไขก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องทำด้วยวิธีการผ่าตัดหรือขูดออกเท่านั้น ซึ่งต่างจากฟิลเลอร์แท้ ที่สามารถใช้ยา Hyaluronidase ฉีดสลายได้
ทำไม ฉีด ฟิลเลอร์ ใต้ตา มาแล้วถึงเป็นก้อน
สำหรับคนไข้บางรายที่เคยฉีดฟิลเลอร์ แล้วประสบปัญหา “ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน” โดยส่วนมากมักจะเกิดจากตัวฟิลเลอร์ที่ฉีด และเทคนิคการฉีดของแพทย์ผู้ที่ทำการรักษา โดยปัญหานี้ในบางกรณีก็ไม่ได้ทำให้เกิดอันตราย ขึ้นอยู่กับว่าความบวมเป็นก้อนนั้นเป็นลักษณะแบบใด ซึ่งในหัวข้อนี้ทางเรา Da La Rose Clinic ก็ได้รวบรวมสาเหตุของการฉีด ฟิลเลอร์ ใต้ตา แล้วเป็นก้อน มาให้ทุกคนได้อ่านกัน โดยสาเหตุหลักๆ สามารถแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อ ได้แก่
1. ภาวะการเกิดก้อนที่ไม่อักเสบ – ลักษณะอาการที่พบคือ เป็นก้อนเดี่ยวๆ ตรงบริเวณที่ฉีด สามารถคลำขอบเขตของก้อนได้ชัดเจน ไม่เจ็บ มีสีผิวปกติไม่แดง และก้อนไม่ขยายขนาดมากขึ้น ซึ่งภาวะนี้ไม่เป็นอันตราย โดยสาเหตุของภาวะนี้เกิดจาก 3 สาเหตุ ได้แก่
- ฉีดสารเติมเต็มผิดวิธี ฉีดมากเกินไป หรือ ตื้นไป – มักเกิดจากเทคนิคของแพทย์ และ แพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ อาจฉีดฟิลเลอร์มากเกินไปจนเกิดเป็นก้อนชัดเจน หรือ อาจเกิดจากการเติมฟิลเลอร์ผิดชั้นทำให้เป็นก้อนได้
- การเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์ไปยังตำแหน่งอื่น – หากแพทย์ฉีดฟิลเลอร์ผิดชั้น และอยู่ในบริเวณที่มีการขยับของใบหน้าเยอะ สามารถทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งอื่นได้ โดยตำแหน่งที่พบปัญหานี้ ได้แก่ รอบปาก ร่องแก้ม ขมับ เป็นต้น
- ฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ไม่ได้มาตรฐาน – ส่วนมากฟิลเลอร์จะมีเทคโนโลยีที่ทำให้เนื้อเจลกลืนไปกับชั้นผิวของคนไข้หลังทำ ทำให้จับตัวเป็นก้อนแข็งเมื่อเวลาผ่านไป หากเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือเป็นฟิลเลอร์ปลอมที่ไม่ได้ อย. มักพบปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง ไม่สลายได้เองในบริเวณที่ฉีด และอาจไหลไปอยู่ในบริเวณอื่นได้
2. ภาวะการเกิดก้อนที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อ – ลักษณะอาการที่พบ คือ เป็นก้อนเดี่ยวหรือหลายก้อน สีผิวบริเวณนั้นแดง สัมผัสแล้วเจ็บ สามารถพบได้หลังฉีด 48 ชั่วโมงแรก หรือหลังฉีดเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปี โดยสาเหตุที่พบส่วนมากเกิดจาก
- การติดเชื้อ – มักเกิดจากเทคนิคการฉีดที่ไม่ปราศจากเชื้อโรค หรือฟิลเลอร์ปลอม ทำให้มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ส่งผลให้มีก้อนบวม แดง ปวดกดเจ็บ รู้สึกร้อนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ หรืออาจมีหนองร่วมด้วย
- ภาวะภูมิไวเกินต่อสารเติมเต็ม หรือ อาการแพ้ – เนื่องจากสารเติมเต็มจัดเป็นสิ่งแปลกปลอมนึงของร่างกาย ร่างกายจึงมีโอกาสที่จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปเกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งอาจพบได้แบบเฉียบพลัน (ภายใน 48ชั่วโมงหลังฉีด) หรือแบบล่าช้า (สัปดาห์ถึงปี) อาการที่พบมักจะเป็นก้อน บวม แดง
ฟิลเลอร์ ใต้ตา ได้มาตรฐาน ผ่าน อย. ที่ Da La Rose Clinic
หลังจากที่ได้ทราบข้อควรระวังในการฉีดฟิลเลอร์แล้ว สำหรับลูกค้าท่านใดที่อยากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กับ Da La Rose ทางคลินิกของเรามีฟิลเลอร์ให้เลือกด้วยกัน 2 ยี่ห้อ ได้แก่ Juvederm และ Restylane ซึ่งฟิลเลอร์ทั้ง 2 ยี่ห้อนี้ได้รับมาตรฐาน และผ่าน อย. อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ต่างกันที่สรรพคุณ และระยะเวลาเห็นผล โดยมีรายละเอียดดังนี้
สรรพคุณของฟิลเลอร์ Juvederm (จูวีเดิม) คือ สามารถฉีดได้ทั้งชั้นผิวลึกและผิวชั้นตื้น หากเป็นการฉีดลงที่ผิวชั้นลึก จะเหมาะกับการฉีดเพื่อปรับรูปหน้า หรือยกกระชับผิวหน้า แต่ถ้าหากเป็นการฉีดลงที่ผิวชั้นตื้น จะใช้เพื่อปรับคุณภาพผิว เหมาะกับการนำมาฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม ปาก คาง ขมับ และแก้มตอบ ซึ่งในแต่ละจุดแพทย์จะเป็นคนประเมิน บอกข้อดีของฟิลเลอร์ Juvederm รุ่นนั้นๆ ให้คนไข้ได้เลือกตามความเหมาะสม ซึ่งฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้บอกเลยว่ามีคุณภาพสูง ถูกออกแบบมาให้มีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ทำให้ขณะฉีดไม่รู้สึกเจ็บ และมีระยะเวลาอยู่ได้นาน 9 – 12 เดือน
สรรพคุณของฟิลเลอร์ Restylane คือ เป็นสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (ไฮยารูลอนิกแอซิด) มีความปลอดภัยเพราะใกล้เคียงกับ ไฮยารูลอนิกแอซิดที่อยู่ในร่างกาย จึงไม่เกิดการต่อต้านหรือเกิดอาการแพ้ระคายเคือง สามารถฉีดได้ทั้งผิวชั้นลึกและผิวชั้นตื้น โดยจะขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้เลือกว่าจะใช้ซีรี่ย์ไหนฉีดกับบริเวณไหน ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ ได้แก่
- NASHA Technology – เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับยกกระชับ เนื้อจะค่อนข้างแน่น คงรูปได้ดี ไม่ก่อให้เกิดการไหลไปตามบริเวณต่างๆ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
- OBT Technology – เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลอ่อนนุ่ม เน้นความเป็นธรรมชาติ และความยืดหยุ่น สามารถปรับรูปทรงได้หลากหลาย เหมาะสำหรับแก้ไขปัญหาเติมเต็ม
โดยฟิลเลอร์ Restylane ทั้ง 2 แบบนี้ สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาแต่ละจุดตามความเหมาะสม โดยให้แพทย์เป็นผู้ประเมินเป็นหลัก ซึ่งฟิลเลอร์ Restylane สามารถคงสภาพอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
สวยอย่างปลอดภัย มั่นใจ Da La Rose Clinic
บอกลาปัญหาความหมองคล้ำ ริ้วรอยรอบดวงตา ให้กลับมาเต่งตึง ดูหน้าเด็กลง ด้วยการฉีด ฟิลเลอร์ ใต้ตา กับ Da La Rose Clinic รับรองว่าคุณจะสามารถมั่นใจขึ้น และสวยขึ้นได้อย่างปลอดภัย เพราะคลินิกของเราใส่ใจถึงคุณภาพของตัวยาทุกชนิด และความปลอดภัยของลูกค้าทุกท่านเป็นหลัก โดยทางคลินิกของเราควบคุมดูแล และให้คำปรึกษาโดยแพทย์ American Board ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมทั้งมีทีมงานมากประสบการณ์ ที่คอยช่วยให้คำแนะนำพร้อมดูแลเอาใจใส่ลูกค้าทุกการให้บริการ
ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่