ลูกค้าส่วนใหญ่ที่สนใจอยากฉีดโบท็อกหลายท่าน ก่อนฉีดมักจะมีคำถามว่า ฉีดไปแล้วจะเห็นผลไหม ? เพราะมีหลายเคสที่ฉีดแล้วเห็นผลลัพธ์ช้า หรือเห็นผลแปปเดียว อยู่ได้ไม่นานตามที่ควร ส่งผลทำให้เกิดความกังวลต่างๆ ตามมา ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การฉีดโบท็อกจะมีระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด ความเหมาะสมของโดสยาที่ใช้ การดื้อยา นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการดูแลตัวเอง และการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งวันนี้ทาง Da La Rose Clinic จึงอยากมาแชร์เคล็ดลับ วิธีการดูแลตัวเองหลัง ฉีดโบท็อก เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกคนที่กำลังสนใจอยากฉีดโบท็อก ได้ปฏิบัติตามเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
ฉีดโบท็อก ใช้เวลากี่วัน ถึงเห็นผล
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีการ ฉีดโบท็อก (Botox) ในปัจจุบัน ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอย ปรับรูปหน้าให้กระชับและอ่อนกว่าวัยได้ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดศัลยกรรม แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะโบท็อกที่ฉีดเข้าไปก็จะค่อยๆ สลายไปเองตามธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวผู้ฉีด
แต่สิ่งที่ทำให้หลายคนเกิดความกังวลหลังฉีด คือ เรื่องระยะเวลาเห็นผลลัพธ์ ในส่วนนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ระยะเวลาเห็นผลลัพธ์ของแต่ละคนแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ยี่ห้อของโบท็อกที่ฉีด ความบริสุทธิ์ของตัวยา การดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก รวมไปถึงตำแหน่งที่ฉีดด้วย โดยแต่ละตำแหน่งจะมีระยะเวลาเห็นผลลัพธ์ดังนี้
- ฉีดโบท็อกลดริ้วรอย ส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกตึงบริเวณรอบๆ ที่ฉีดภายใน 3-7 วัน และเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
- ฉีดโบท็อกลดกราม จะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 4-6 สัปดาห์ โดยที่กล้ามเนื้อบริเวณที่กล้ามจะเริ่มนิ่ม และค่อยๆ เล็กลง
- ฉีดโบท็อกลิฟกรอบหน้า จะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
- ฉีดโบท็อกลดเหงื่อ บริเวณรักแร้หรือฝ่ามือจะเริ่มเห็นผลเต็มที่หลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์
ส่วนปัจจัยที่ส่งผลทำให้โบท็อกอยู่ได้นานหรือไม่นั้น นอกจากตำแหน่งที่ฉีดแล้ว ก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น อายุของผู้ฉีดโบท็อก, ความยืดหยุ่นของผิวหนัง และความลึกของริ้วรอย เป็นต้น
เลือก ฉีดโบท็อก อย่างไร ให้เห็นผลนาน
หลังจากที่ได้ทราบถึงระยะเวลาเห็นผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกแล้ว หัวข้อนี้ Da La Rose จะมาแนะนำการฉีดโบท็อกว่า แต่ละตำแหน่งควรใช้โดสยากี่ยูนิตถึงเห็นผลนาน โดยมีข้อแนะนำดังนี้
- ฉีดบริเวณหน้าผาก ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 15-20 ยูนิต เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่ชำนาญ อาจจะพบปัญหาหางคิ้วยกสูง ทำให้หน้าดุอยู่ตลอดเวลา
- ฉีดบริเวณระหว่างคิ้ว ควรใช้โดสยาไม่เกิน 6-15 ยูนิต เพราะระหว่างคิ้วเป็นส่วนที่แสดงสีหน้าและอารมณ์ ถ้าหากใช้ปริมาณมากเกินไป อาจจะทำให้ไม่เป็นธรรมชาติ และทำให้หางตาตกได้
- ฉีดบริเวณหางตา ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 10-25 ยูนิต ในกรณีที่ใช้จำนวนโดสยามากเกินไป อาจจะทำให้ตาแข็งทื่อ ดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ฉีดบริเวณกราม ควรใช้จำนวนโดสยาข้างละ 25-30 ยูนิต เพราะเป็นบริเวณที่มีกล้ามเนื้อใหญ่กว่าส่วนอื่นๆ จึงจำเป็นต้องใช้ปริมาณโดสยาที่มากกว่า เพื่อปรับกล้ามเนื้อกรามเล็กลง ให้รูปหน้าเรียวสวย
- ฉีดบริเวณรักแร้ ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 50-100 ยูนิต บริเวณรักแร้เป็นตำแหน่งที่ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินโดสยาเท่านั้น โดยขึ้นกับการตอบสนองแต่ละบุคคลในการลดเหงื่อ
- ฉีดบริเวณน่องขา ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 100 ยูนิต ในกรณีที่ใช้จำนวนโดสยามากเกินไป อาจจะทำให้กล้ามเนื้อขาอ่อนแรง และเคลื่อนไหวร่างกายลำบาก
- ฉีดเพื่อกระชับรูขุมขน ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 25-30 ยูนิต เพื่อทำให้รูขุมขนบนใบหน้ากระชับขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
- ลิฟกรอบหน้า ลิฟเหนียง ลิฟคอ ควรใช้จำนวนโดสยาไม่เกิน 30-50 ยูนิต เพื่อกระชับผิวที่หย่อนคล้อยแต่ละบริเวณ ให้เต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ในแต่ละตำแหน่งที่ฉีดปริมาณโดสยาที่ใช้อาจแตกต่างกัน ทางที่ดีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนฉีดโบท็อก เพื่อประเมินร่างกายว่าควรใช้โดสยาปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม
แชร์ทริคดูแลตัวเองหลัง ฉีดโบท็อก ยังไง ให้สลายช้า
คำถามที่ว่า “ฉีดโบท็อกแล้วจะเห็นผลไหม หรือ ฉีดโบท็อกแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน ?” จะหมดไปถ้าคุณได้รู้จักวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อก เพราะนอกจากจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีแล้ว ยังทำให้โบท็อกที่ฉีดสลายช้าลง หรือเรียกอีกอย่างคือ ช่วยยืดอายุโบท็อกให้อยู่กับเราได้นานขึ้นนั่นเอง ซึ่งจะมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง มาดูกันเลย!
- ขยับบริเวณที่ฉีดโบท็อกทันที หลังฉีดโบท็อกควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อในแต่ละบริเวณที่ฉีดทันที เป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้สารโบท็อกกระจายเข้าสู่กล้ามเนื้อ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส ควรงดการสัมผัสประมาณ 6-8 ชั่วโมงหลังฉีด ไม่ว่าจะเป็น การจับ บีบ กด นวด คลึงบริเวณที่เพิ่งฉีดโบท็อกไป เพราะจะส่งผลต่อการกระจายตัวของสารโบท็อก
- งดการเลเซอร์ หลังฉีดโบท็อกควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีความร้อน โดยเฉพาะการทำเลเซอร์ ประมาณ 2 สัปดาห์หลังฉีด เพราะความร้อนจะทำให้กล้ามเนื้อหด และคลายตัวเร็วขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดเข้าไป เคลื่อนที่ไปยังกล้ามเนื้อส่วนอื่นที่ไม่ต้องการได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงอาหารประเภทหมักดอง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่จะเข้าไปเพิ่ม การทำงานของระบบไหลเวียนเลือด ส่งผลทำให้โบท็อกเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ทานอาหารที่มีแร่ธาตุ Zinc การรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุ Zinc หรือ สังกะสี ทั้งก่อนและหลังฉีด จะช่วยให้สารโบท็อกออกฤทธิ์ได้ไวขึ้น และอยู่ได้นานมากขึ้นด้วย แต่ไม่ควรทานเกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน
- ควรฉีดโบท็อกต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม เพื่อคงผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ควรกลับไปฉีดซ้ำเรื่อยๆ และไม่ควรฉีดถี่จนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อก แต่ควรเว้นระยะห่างจากการฉีดประมาณ 3-4 เดือน
ฉีดโบท็อก ของแท้ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ต้องที่ Da La Rose
สำหรับลูกค้าท่านใดที่สนใจอยากฉีดโบท็อก เพื่อยกกระชับใบหน้า ลดริ้วรอย ลดเหนียง ลิฟกรามให้หน้าเรียวสวย แต่ยังไม่รู้ว่าจะฉีดที่ไหนดี ที่ Da La Rose Clinic เราขอเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีให้แก่คุณ ทางเราพร้อมดูแลลูกค้าทุกท่าน และให้คำปรึกษาโดยแพทย์ American Board ที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน ซึ่งทางคลินิกของเราจะใช้โบท็อก 3 ยี่ห้อหลักๆ ได้แก่
โบท็อก Allergan คือ หนึ่งในยี่ห้อของสารโบทูลินิม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin a) ผลิตโดยบริษัทอัลเลอร์แกน (Allergan) ประเทศอเมริกา ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่คิดค้นสารโบทูลินั่มในการลดริ้วรอย อีกทั้งยังเป็นแบรนด์แรกที่ได้รับ FDA (อย.) ในการลดริ้วรอยอีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของโบท็อก Allergan คือ
- มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% โอกาสดื้อโบท็อกน้อย
- ยากระจายตัวแคบ ให้ผลการรักษาที่แม่นยำ
- มีอายุการใช้งานนานกว่าโบท็อกยี่ห้ออื่นๆ
- เห็นผลรวดเร็ว
โบท็อก Xeomin ผลิตขึ้นในประเทศเยอรมนี เน้นพัฒนาโดยเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน Xeomin เหมาะกับการฉีดเพื่อลดริ้วรอย และลิฟกรอบหน้า Dermolift เนื่องจากตัวยามีความบริสุทธิ์สูง นอกจากนี้ยังฉีดสามารถตำแหน่งต่างๆ ได้เช่นเดียวกับโบท็อกยี่ห้ออื่น ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้โบท็อก Xeomin แตกต่างจากยี่ห้ออื่นคือ
- มีการใช้ XTRACT Technology™ เพื่อกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้มีความบริสุทธิ์สูงถึง 100%
- ปราศจาก Complexing Proteins ร่างกายจะเกิดสารต้านโบท็อก (Antibody) ต่ำ
- มีน้ำหนักโมเลกุลน้อยที่สุด ทำให้สารโบท็อกกระจายตัวได้ดี ฉีดแล้วไม่ตึงแข็งเกินไป
- มีงานวิจัยที่ระบุว่า โบท็อก Xeomin มีโอกาสได้ผลในเคสดื้อยามากกว่ายี่ห้ออื่นๆ แต่ทั้งนี้การดื้อโบท็อกเป็นภาวะที่รักษาไม่หาย จึงไม่สามารถรับประกันได้ว่า Xeomin จะใช้ได้ผลทุกเคส
โบท็อกยี่ห้อนี้ผลิตและพัฒนาโดยบริษัท Hugel Inc (เกาหลีใต้) รับรองมาตรฐานจาก อย.ไทย โดยบริษัท บอน-ซอง จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าโบท็อกมาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย โบท็อกยี่ห้อนี้ได้พัฒนาสาร Botulinum Toxin มีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับโบท็อกอเมริกา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชะลอการเกิดริ้วรอย มีปัญหาบริเวณใบหน้า หรือมีปัญหาบริเวณกล้ามเนื้อใหญ่ เพราะจุดเด่นของโบท็อกยี่ห้อนี้ คือ
- มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% ปลอดภัยจากสารปนเปื้อน
- ยากระจายตัวแคบ ส่งผลให้ออกฤทธิ์แม่นยำ ทำให้เข้าไปแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
- โบท็อก Hugel ผลิตในโรงงานที่ใช้ Robot จึงหมดห่วงเรื่องความสะอาดในการผลิต
ฉีดโบท็อก ให้สวยแบบปลอดภัย ไว้ใจ Da La Rose Clinic
อยาก ฉีดโบท็อก ให้สวย ตึง คงผลลัพธ์อยู่ได้นาน แนะนำว่าควรทำตามวิธีการดูแลตัวเองในข้างต้น และที่สำคัญต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย อย่าง Da La Rose Clinic รับรองว่าไม่ผิดหวัง! เพราะเราเป็นคลินิกเสริมความงาม ที่มุ่งเน้นในเรื่องความมั่นใจ และใส่ใจถึงความปลอดภัยของลูกค้าทุกท่านเป็นหลัก ควบคุมดูแลและให้คำปรึกษาโดยแพทย์ American Board ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย
พร้อมทั้งทีมงานที่มีประสบการณ์ ช่วยให้คำแนะนำทุกการให้บริการ ซึ่งนอกจากบริการฉีดโบท็อก ทางคลินิกของเรายังให้บริการในด้านอื่นๆ อีกหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น บริการยกกระชับ, บริการดูแลผิวหน้า, เลเซอร์กำจัดขน และบริการอื่นๆ อีกมากมายที่ช่วยเสริมความงามให้กับลูกค้าทุกท่าน
ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่