ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอย จะเริ่มเกิดขึ้นในช่วงวัย 40 – 50 ปีขึ้นไป เพราะเป็นวัยที่ฮอร์โมนในร่างกายผลิตน้อยลง ทำให้ผิวหนังเกิดการสูญเสียความเต่งตึง ส่งผลให้ผิวบาง แห้งกร้าน และเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าปัญหาผิวหนังจะเกิดขึ้นมากแค่ไหนก็สามารถแก้ไขได้ด้วยหัตถการยกกระชับ ดังนั้นสำหรับใครที่อยากทำหัตถการล็อกผิวหน้าให้เต่งตึง อ่อนกว่าวัย แต่เลือกไม่ถูกว่าระหว่าง Thermage กับ Ulthera ทั้ง 2 แบบแตกต่างกันอย่างไร? แล้วหัตถการแบบไหนเหมาะกับใครบ้าง?
วันนี้ Da La Rose Clinic จึงอยากพาทุกคนไปทำความเข้าใจ เกี่ยวกับหลักการกระชับผิวระหว่าง เทอมาจ และ อัลเทอร่า พร้อมอธิบายว่าหัตถการแต่ละแบบเหมาะกับใครบ้าง? หากใครที่้อยากยกกระชับผิวหน้า แล้วต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติม ที่คลินิก Da La Rose เราได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดเอาไว้ในบทความนี้แล้ว ถ้าอยากรู้ว่ารายละเอียดของหัตถการแต่ละแบบเป็นอย่างไร? ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย!
เทียบหลักการกระชับผิว Thermage VS Ulthera
หากใครที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ก่อนอื่นมาเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจในหลักการกระชับผิวของ Thermage และ Ulthera กันก่อน สำหรับหัตถการ เทอมาจ จะใช้การปล่อยคลื่นวิทยุ (Radio frequency: RF) ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปในพื้นผิวที่ต้องการ สามารถเข้าไปได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (Hypodermis) โดยคลื่นวิทยุจากเทอมาจ จะมีลักษณะเหมือนการเปิดไฟฉายส่องลงบนผิวหนัง
คลื่นจะกระจายออกเป็นวงกว้าง จากนั้นจะค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ แต่จะเข้าไปไม่ลึกเท่ากับ อัลเทอร่า ส่วนหัตถการ อัลเทอร่า จะใช้วิธีการปล่อยคลื่นอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ซึ่งเป็นคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ด้วยเทคโนโลยีไมโครโฟกัส (Micrifocus) เข้าไปเป็นจุดเล็กๆ เรียงกันเป็นแถว ทำให้สามารถกำหนดแนวที่ต้องการยกกระชับได้อย่างแม่นยำ โดยตัวคลื่นอัลตราซาวด์จากไมโครโฟกัส จะสามารถเข้าสู่ชั้นผิวลึกลงไป 4.5 – 5 มม.
ในผิวชั้นใต้ไขมัน (SMAS) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้าให้ยกกระชับ จากนั้นคลื่นอัลตราซาวด์จะทำให้เกิดความร้อน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเนื้อเยื่อที่มีความยืดหยุ่นขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวชั้นบนดูกระชับมากขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัยในแบบธรรมชาติ โดยสรุปคือ อัลเทอร่า จะเน้นการทำงานจากด้านในผิวหนัง จนส่งผลออกมาให้เห็นด้านนอก แต่ เทอมาจ จะเน้นการทำงานจากผิวหนังด้านนอกเข้าสู่ด้านใน
Thermage VS Ulthera เหมาะกับใคร
ถึงแม้ว่าหัตถการทั้ง 2 ประเภทนี้ จะมีหน้าที่ในการช่วยยกกระชับผิวหน้า และลดเลือนริ้วรอยได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ หลักการทำงาน และระยะเวลาที่เห็นผลลัพธ์ เพราะแต่ละเทคโนโลยีต่างก็มีหลักการทำงานคนละแบบ โดยการทำ เทอมาจ จะมีจุดเด่นในการลดชั้นไขมันที่ใบหน้า หลังทำผิวหน้าจะแน่นกระชับขึ้น ช่วยเพิ่ม Skin Quality ให้ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัย เหมาะกับคนที่มีไขมันบริเวณใบหน้าเยอะ ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับ
และต้องการลดแก้ม ลดเหนียง หรืออยากยกกระชับผิวหน้าให้ดูเต่งตึงเป็นธรรมชาติ ส่วนหัตถการ อัลเทอร่า สามารถทำได้หลายตำแหน่ง ตั้งแต่บริเวณใบหน้า, ร่องแก้ม, ร่องมุมปาก, หางตา, หางคิ้ว, รอบดวงตา, กรอบหน้า และลำคอ เหมาะกับคนที่มีไขมันตามใบหน้าน้อย และมีคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพลง ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย ให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นโดยไม่ที่ต้องผ่าตัด
ถึงแม้ว่าการรักษาด้วยวิธี เทอมาจ และ อัลเทอร่า จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็ยังมีจุดที่เหมือนกันอยู่ คือ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำเสร็จ โดยใบหน้าจะยกกระชับขึ้นประมาณ 10 – 30% และจะค่อยๆ เห็นผลชัดเจนขึ้นภายใน 1 – 3 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว อายุ และวิธีการดูแลผิวหน้าของแต่ละบุคคล เพราะยิ่งดูแลรักษาผิวหน้าก็จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การทำเทอมาจหรืออัลเทอร่าให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
เทอมาจ VS อัลเทอร่า เจ็บไหม ทำนานแค่ไหน ?
หลังจากที่ได้ทราบเกี่ยวกับหลักการทำงานของ เทอมาจ และ อัลเทอร่า ถ้าหากใครกำลังตัดสินว่าอยากทำหัตถการยกกระชับใบหน้า แต่กลัวเจ็บ และไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะอยู่ได้นานแค่ไหน? ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าวิธีการรักษาทั้ง 2 แบบนี้ความเจ็บจะขึ้นอยู่กับความร้อนที่ใช้ทำ โดยปกติจะใช้อุณหภูมิประมาณ 60 องศา ถ้าระหว่างทำหากคนไข้รู้สึกเจ็บ สามารถแจ้งผู้ให้บริการเพื่อแปะยาชาเฉพาะจุด หรือแจ้งผู้ให้บริการให้ลดกำลังเครื่องลงได้
หลังทำสีผิวอาจจะอมชมพูขึ้นเล็กน้อย ไม่มีแผล และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ส่วนการทำ อัลเทอร่า จะรู้สึกหน่วงๆ เฉพาะจุดที่ทำ เหมือนมีอะไรดีดๆ ในผิว แต่หลังทำก็ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้นเช่นเดียวกัน ส่วนความรู้สึกจะเจ็บมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับพลังงานที่ได้รับ และการตอบสนองของแต่ละบุคคล แต่ในปัจจุบันนี้หัตถการยกกระชับ Thermage ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี New Thermage CPT ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นที่พัฒนาระบบสั่น (Vibratory handpiece) ช่วยเพิ่มความสบายให้กับคนไข้ในระหว่างทำได้มากยิ่งขึ้น
ส่วน Thermage FLX ก็มีระบบคำนวณความร้อนอย่างแม่นยำ หลังทำจะเห็นผลทันทีประมาณ 10 – 30% และจะค่อยๆ เห็นผลชัดเจนขึ้น เมื่อระยะเวลาผ่านไปภายใน 1 – 3 เดือน และคงผลลัพธ์ไว้ได้นาน 1 – 2 ปี โดยปกติแล้วการทำหัตถการยกกระชับ หมอจะแนะนำให้ทำต่อเนื่องประมาณปีละครั้ง เพื่อรักษาผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สรุปแล้วทั้งหัตถการเทอมาจ และอัลเทอร่า ต่างก็มีหลักการทำงานและข้อดีที่แตกต่างกัน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ตรวจวินิจฉัย และให้คำแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมให้กับคุณ
เผยผิวที่เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยส่วนเกิน ที่ Da La Rose
หมดกังวลเรื่องปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ด้วย นวัตกรรมยกกระชับใบหน้า Thermage CPT เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่ช่วยยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูโครงสร้างผิว ให้ดูเด็กกว่าวัยในแบบที่เป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ นอกจากการยกกระชับเทอมาจ ถ้าหากคุณสนใจบริการเสริมความงามในด้านอื่นๆ ที่ Da La Rose Clinic เรามีให้คุณเลือกหลายบริการ เช่น บริการฉีดโบท็อก, บริการดูแลผิวหน้า, เลเซอร์กำจัดขน และบริการอื่นๆ อีกมากมาย
เพราะที่ Da La Rose เราเป็นคลินิกเสริมความงาม ที่ใส่ใจถึงความปลอดภัย ของลูกค้าทุกท่านเป็นหลัก ทางคลินิกเราควบคุมดูแลและให้คำปรึกษาโดยแพทย์ American Board ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมทั้งทีมงานที่มีประสบการณ์ ช่วยให้คำแนะนำพร้อมดูแลเอาใจใส่ลูกค้าทุกการให้บริการ
ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่